วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553
วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553
ประวัติศาสตร์ชาติ A
“A” คือ ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวแรก ซึ่งก็คล้ายกับญาติตัวอื่นๆของมัน ที่ถูกเราพบเจอเป็นครั้งแรกเมื่อราวๆ3500ปีก่อน ซึ่งเจ้าAนี้นั้นได้ถูกจับมาดัดแปลงจากตัวแอลฟา (alpha ; α) ในภาษากรีกมาใช้ในภาษาอิทรูเรีย (Estruscan) และจากภาษาอิทรูเรีย ตัวAก็ได้ถูกดัดแปลงอีกครั้งโดยชาวโรมัน กลายเป็นตัวอักษรละติน (Latin) ซึ่งก็คือตัวAที่เราใช้กันทุกวันนี้นั่นเอง
โดยส่วนใหญ่แล้วชาวกรีกนั้นนิยมที่จะยืม (เลียนแบบ) ตัวอักษรของพวกเขารวมทั้งตัวAนี่ด้วย มาจาก ภาษาฮิบรูเหนือ (North Semitic) โดยในตอนแรกนั้น ตัวAไม่ได้ใช้เป็นสระเพียง แต่ถูกใช้เป็นพยัญชนะ โดยการออกเสียงนั้นจะออกเสียงกักเส้นเสียง (glottal stop) หรือออกเสียงมาจากลำคอ ถ้ายังนึกไม่ออกก็ประมาณการออกเสียงตัวA ในว่า “aboard” นั่นเอง
แล้วที่มาของชื่อของเจ้าAตัวนี้นั้นมากจากไหนล่ะ? ตัว “alpha” ในภาษากรีกนั้นจริงๆแล้วไม่มีความหมาย แต่เป็นคำที่ดัดแปลงมาจาก ตัวอะเลฟ (aleph) ซึ่งออกเสียง อะ แบบกักเส้นเสียง (glottal stop) เหมือนที่บอกไปข้างบน มักมีเข้าใจผิดว่าตัวอะเลฟนั้นหมายถึงวัว (aleph หมายถึง วัว) แต่แท้จริงแล้วมันใช้แทนการออกเสียงแบบกักเส้นเสียง โดยเรียกอะเลฟเพื่อเป็นเครื่องช่วยจำเท่านั้นเอง “อะ อเลฟ” (เหมือนเราเรียก ก. ไก่ แต่ ก. ไม่ได้แปลว่า ไก่ แต่ใช้แทนการออกเสียง กอ)
แล้วตัว a กับ a ล่ะ? ตัว a ซึ่งเรียกกันติกปากว่า “ตัวเอเล็ก” นั้นมีชื่อเรียกว่าละตินแอลฟา (Latin Alpha) มีที่มาจากชาวโรมัน ซึ่งออกมาโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้สะดวกในการเขียนลงบนแผ่นหินและกระดาษปาปิรุส โดยสามารถเขียนตัวอักษรติดต่อกันไปได้โดยไม่ต้องยกมือ ส่วน a นั้นเป็นตัวแอลฟาดั้งเดิมซึ่งนิยมเขียนให้ขีดด้านขวาเป็นเส้นโค้งทำให้เกิดเป็น a ดังทีเห็น ซึ่งเขียนได้ช้าทำให้ตัว a แบบนั้จะใช้ในงานพิมพ์มากกว่า
วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ท่องไปใน KuiSocity
ก่อนอื่นต้องขอยอมรับก่อนเลยว่าส่วนตัวไม่ค่อยชอเล่น Network Society เท่าไร
ตอนลองเล่น KuiSocity นั้นถึงกับงงไปเลย ไม่รู้อะไรเป็นอะไร
การใช้งานค่อนข้างแปลกแต่ก็ไม่ได้ยากอะไรนัก รูปแบบคล้าย facebook
แต่ให้ความรู้สึกจริงจังกว่า อาจเพราะหน้า webpage เรียบๆดูเป็นทางการ
ลูกเล่นด้านความบันเทิงอาจน้อยกว่า facebook เน้นไปทางด้านการทำงานมากกว่า
เพราะมีทั้งวิกิสำหรับเขียนบทความ และการแบางปันไฟล์ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์
ใช้ในการประชุมทำรายงานร่วมกันหลายๆคนได้ สิ่งที่ขาดหายไปก็เป็นด้านความบันเทิง
อย่้างที่บอกไปแล้ว เพราะเกมในเว็บยังคงเป็นแค่เหมือนโฆษณาให้ไปดาวน์โหลดอีกที
ซึ่งต่างจาก facebook ที่เป็นเกมบนเว็บเลย
ตอนลองเล่น KuiSocity นั้นถึงกับงงไปเลย ไม่รู้อะไรเป็นอะไร
การใช้งานค่อนข้างแปลกแต่ก็ไม่ได้ยากอะไรนัก รูปแบบคล้าย facebook
แต่ให้ความรู้สึกจริงจังกว่า อาจเพราะหน้า webpage เรียบๆดูเป็นทางการ
ลูกเล่นด้านความบันเทิงอาจน้อยกว่า facebook เน้นไปทางด้านการทำงานมากกว่า
เพราะมีทั้งวิกิสำหรับเขียนบทความ และการแบางปันไฟล์ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์
ใช้ในการประชุมทำรายงานร่วมกันหลายๆคนได้ สิ่งที่ขาดหายไปก็เป็นด้านความบันเทิง
อย่้างที่บอกไปแล้ว เพราะเกมในเว็บยังคงเป็นแค่เหมือนโฆษณาให้ไปดาวน์โหลดอีกที
ซึ่งต่างจาก facebook ที่เป็นเกมบนเว็บเลย
งานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ ม.บูรพา
วันที่ 16 สิงหา ไปเดินสัปดาห์วิทย์มา เลยถ่ายภาพบรรยากาศรอบๆมาฝาก
ตอนมาเดินงานในหอประชุมยังไม่เปิดดีเลยเดินดูแต่ด้านนอก
พอเข้ามาในงานก็พบกับร้านขายอาหารก่อนเลย
ที่ตรงรี่เข้าไปร้านแรกก็คือร้านขายลูกอมเจ้าเก่าที่มาขายในงานอยู่ทุกปี
เริ่มเดินเข้าไปที่ใต้ตึกวิทย์ เพราะอย่างที่บอกในหอประชุมยังจัดงานไม่เรียบร้อยดี
ไม่รู้ว่ามีการจัดซุ้มบนตึกวิทย์ด้วยเลยไม่ได้ขึ้นไป พอเดินออกจากตึก
หลังจากนั้นก็ออกเดินทางไปตามหาอ.ใหญ่ แต่เพราะภาพอาจน่ากลัว
ตอนมาเดินงานในหอประชุมยังไม่เปิดดีเลยเดินดูแต่ด้านนอก
พอเข้ามาในงานก็พบกับร้านขายอาหารก่อนเลย
ที่ตรงรี่เข้าไปร้านแรกก็คือร้านขายลูกอมเจ้าเก่าที่มาขายในงานอยู่ทุกปี
เริ่มเดินเข้าไปที่ใต้ตึกวิทย์ เพราะอย่างที่บอกในหอประชุมยังจัดงานไม่เรียบร้อยดี
สะดุดตากับการจัดแสดงเปลือกหอยชนิดต่างๆบริเวณโถงใต้ตึกวิทย์
โดยส่วนตัวไม่ค่อยสนใจเท่าไร แต่เพราะความสะดุดตาเลยต้องเข้าไปดูสักหน่อย
ไม่รู้ว่ามีการจัดซุ้มบนตึกวิทย์ด้วยเลยไม่ได้ขึ้นไป พอเดินออกจากตึก
เห็นซุ้มนึงมีเด็กมายืนออเต็มไปหมด น่าสนใจดีเลยเข้าไปดู
ก็พบกับการแสดงหุ่นยนต์เคลื่อนที่ตามเส้นทาง น่ารักดี
ตัวแรก แต่คลิปที่ถ่ายมาเสีย เลยมีมาแต่ภาพ |
หลังจากนั้นก็ออกเดินทางไปตามหาอ.ใหญ่ แต่เพราะภาพอาจน่ากลัว
ไปสักหน่อยขอไม่เอามาลงก็แล้วกัน
สุดท้ายก็ขอจบการเดินในวันนี้ไว้แค่นี้แล้วกัน สวัสดีครับ
เหตุเกิด ณ ม.บูรพา
จากเหตุการณ์ตึกศึกษาศาตร์ซึ่งกำลังสร้างใหม่เกิดถล่มลงมาในวันที่15สิงหาที่ผ่านมานั้น
จากการพูดคุยกับอ.ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ คาดว่าสาเหตุนั้นน่าจะเกิดจาก
1.ก่อนการเทปูนเพื่อสร้างพื้นชั้น2นั้นจะต้องมีการสร้างนั่งร้านเพื่อเป็นโครงยันปูนไว้ก่อน
ซึ่งสาเหตุการถล่มนั้นเกิดจากการสร้างนั่งร้านไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถรับน้ำหนักปูนได้
2.การเทปูนนั้นอาจจะเทปูนไปที่จุดๆเดียวกัน และเนื่องจากคนงานก่อสร้างน้อยทำให้
การเกลี่ยปูนทำได้ช้า เมื่อเวลาผ่านไปโครงสร้างจึงไม่สามารถรับน้ำหนักของปุนที่
มากองกันที่เดียวได้จึงเกิดการถล่มลงมา
จากการพูดคุยกับอ.ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ คาดว่าสาเหตุนั้นน่าจะเกิดจาก
1.ก่อนการเทปูนเพื่อสร้างพื้นชั้น2นั้นจะต้องมีการสร้างนั่งร้านเพื่อเป็นโครงยันปูนไว้ก่อน
ซึ่งสาเหตุการถล่มนั้นเกิดจากการสร้างนั่งร้านไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถรับน้ำหนักปูนได้
2.การเทปูนนั้นอาจจะเทปูนไปที่จุดๆเดียวกัน และเนื่องจากคนงานก่อสร้างน้อยทำให้
การเกลี่ยปูนทำได้ช้า เมื่อเวลาผ่านไปโครงสร้างจึงไม่สามารถรับน้ำหนักของปุนที่
มากองกันที่เดียวได้จึงเกิดการถล่มลงมา
ตึกศึกษาศาสตร์หลังถล่ม 16/8/53 |
วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วิธีฆ่าคนด้วยกระดาษ A4 1แผ่น
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านเพราะเป็นการเพิ่มโลกร้อนเนื่องจากใช้ทรัพยากรกระดาษ
และมีวิธีฆ่าสบายกว่านี้อีกเยอะ
1.ขยำแล้วยัดคอหอย
2.เอามาม้วนให้แน่นสุดๆ พับครึ่งแล้วตัดส่วนพับให้แหลม หยอดกาวให้แข็ง จากนั้นแทงที่เส้นเลือดใหญ่ตรงคอ
3.เอาไปปลอมแปลงเป็นเอกสารบริษัท แล้วพับใส่ซองสีขาวๆ
4.เอาไปปรินท์รูปเหยื่อขณะอยู่กับกิ๊กแล้วเอาไปภรรยา(หรือสามี)ของเหยื่อดู
5.กระดาษปิดตาแล้วพาไปเดินบนดาดฟ้า
6.เอาไปแช่น้ำให้ชุ่ม ฉีกปั้นเป็นก้อนๆ แล้วเข้่าช่องแช่แข็ง ปาใส่หัว
7.เอามาพับครึ่ง จุ่มน้ำให้เปียก มัดเหยื่อให้แน่นๆ แล้วเอากระดาษเปียกนั้นวางปิดปากกับจมูกให้แนบสนิท อย่าให้อากาศเข้าตามขอบ
8.วางไว้ตรงบันไดให้เหยียบลื่นตกลงมา คอหัก ..
9.เอาไปยัดคันเบรครถ
10.เอาขอบกระดาษปาดคอ
11.พับเป็นถุง ตดใส่ แล้วเอาครอบจมูกเป้าหมาย
12.ม้วนเป็นรูปกรวย ยัดทรายใส่ข้างใน แล้วเอาไปแทงคอ เป้าหมาย
13.เอากระดาษมาม้วนให้เป็นท่อนเล็กๆแล้วเอาไปชุบน้ำให้เปียกทั้งท่อน นำไปแช่เย็นให้แข็ง แล้วนำไปแทงเข้าเบ้าตาทะลุถึงสมอง
2.เอามาม้วนให้แน่นสุดๆ พับครึ่งแล้วตัดส่วนพับให้แหลม หยอดกาวให้แข็ง จากนั้นแทงที่เส้นเลือดใหญ่ตรงคอ
3.เอาไปปลอมแปลงเป็นเอกสารบริษัท แล้วพับใส่ซองสีขาวๆ
4.เอาไปปรินท์รูปเหยื่อขณะอยู่กับกิ๊กแล้วเอาไปภรรยา(หรือสามี)ของเหยื่อดู
5.กระดาษปิดตาแล้วพาไปเดินบนดาดฟ้า
6.เอาไปแช่น้ำให้ชุ่ม ฉีกปั้นเป็นก้อนๆ แล้วเข้่าช่องแช่แข็ง ปาใส่หัว
7.เอามาพับครึ่ง จุ่มน้ำให้เปียก มัดเหยื่อให้แน่นๆ แล้วเอากระดาษเปียกนั้นวางปิดปากกับจมูกให้แนบสนิท อย่าให้อากาศเข้าตามขอบ
8.วางไว้ตรงบันไดให้เหยียบลื่นตกลงมา คอหัก ..
9.เอาไปยัดคันเบรครถ
10.เอาขอบกระดาษปาดคอ
11.พับเป็นถุง ตดใส่ แล้วเอาครอบจมูกเป้าหมาย
12.ม้วนเป็นรูปกรวย ยัดทรายใส่ข้างใน แล้วเอาไปแทงคอ เป้าหมาย
13.เอากระดาษมาม้วนให้เป็นท่อนเล็กๆแล้วเอาไปชุบน้ำให้เปียกทั้งท่อน นำไปแช่เย็นให้แข็ง แล้วนำไปแทงเข้าเบ้าตาทะลุถึงสมอง

แหวนกับพระราชา
มีพระราชาองค์หนึ่ง เรียกช่างทำแหวนประจำวังเข้ามาพบ
แล้ว รับสั่งว่า อยากให้ทำแหวนประจำพระองค์ขึ้นวงหนึ่ง
ช่างถามว่า อยากได้แหวนแบบไหน จะได้ทำให้ตามพระประสงค์
พระราชาตรัสตอบว่า
"ข้า อยากได้แหวนที่ใส่แล้วฉลาด เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต"
ช่างทำแหวน นำรับสั่งกลับไปนั่งคิดนอนคิดอยู่นาน
แล้ววันหนึ่ง เขาก็นำแหวนที่ทำเสร็จขึ้นถวาย
แหวนนั้นเป็นแหวนทองเรียบๆ แต่มีข้อความสลักไว้บนตัวเรือนว่า
“แล้วมันจะผ่านไป”
ตั้งแต่ นั้นมา ทุกครั้งที่พระราชมองเห็นแหวน
พระองค์จะเตือนตัวเองเสมอว่า
เวลาสุขก็อย่าหลงระเริง เพราะมันไม่ยั่งยืน
เวลาทุกข์ก็อย่าเศร้านาน เพราะสักวันมันก็จะผ่านไป
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)